
ที่ สัปปายะสภาสถาน ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร / เมื่อวันพุธที่ 8 ตุลาคม 2568 ดร.เนาวรัตน์ ทรงสวัสดิ์ชัย ประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) โดยร่วมกับ สภาองค์การนายจ้างอีก 16 สภาองค์การนายจ้าง ได้ลงนามในหนังสือคัดค้าน
- (ร่าง) พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับ..) พ.ศ….สำเนาเลขรับ 157/2567 วันที่ 18 ธันวาคม 2567
- (ร่าง) พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับ..) พ.ศ….สำเนาเลขรับ 158/2567 วันที่ 18 ธันวาคม 2567
- ข้อเสนอแนะและสรุปประเด็นปัญหาในข้อกฎหมายที่กระทบต่อสถานประกอบการ/นายจ้าง
ดร.เนาวรัตน์ ทรงสวัสดิ์ชัย ประธานสภาองค์การนายจ้างฯ กล่าวว่า.. คณะสภาองค์การนายจ้าง ขอเสนอผู้ลงนามแสดงความเห็นต่อท้าย พร้อมด้วยบันทึกรายละเอียด สรุปข้อหารือที่เป็นประเด็นปัญหาต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อสถานประกอบกิจการ ซึ่งข้าพเจ้าและคณะสภาองค์การนายจ้าง ได้สรุปสาระสำคัญที่เป็นเหตุผลที่จะขอเสนอแนะ และสรุปประเด็นปัญหาในข้อกฎหมายที่กระทบต่อสถานประกอบกิจการ ตามเอกสารแนบท้ายนี้ เพื่อให้ท่านได้โปรดพิจารณาทบทวนตามที่ ข้าพเจ้าและคณะสภาองค์การนายจ้าง ได้นำเสนอมานี้
(ร่าง) ฉบับที่มีเลขรับ 157/2567 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 เสนอโดย นายจรัส คุ้มไข่น้ำ สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร พรรคประชาชน
หลักการ มีแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ดังต่อไปนี้
- แก้ไขเพิ่มเติมระยะเวลาทำงานของลูกจ้าง (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 23) จากเดิมทำงาน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ลดลงเป็น 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
- แก้ไขเพิ่มเติมวันหยุดประจำสัปดาห์ของลูกจ้าง (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 28) เพิ่มวันหยุดประจำสัปดาห์ 1 วันเป็น 2 วัน
- แก้ไขเพิ่มเติมสิทธิการลาพักผ่อนประจำปีของลูกจ้าง (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 30)
(ร่าง) ฉบับที่มีเลขรับ 158/2567 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 เสนอโดย นางสาววรรณวิภา ไม้สนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชน
หลักการ มีแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ดังต่อไปนี้
- แก้ไขเพิ่มเติมในการจ้างงานที่มีความเท่าเทียมในทุกด้านให้นายจ้างปฏิบัติต่อลูกจ้างอย่างเท่าเทียมด้วย โดยไม่เลือกปฏิบัติ (แก้ไขเพิ่มเติม ในมาตรา 15)
- แก้ไขเพิ่มเติมให้การลาเนื่องจากมีประจำเดือน มิให้ถือว่าเป็นวันลาป่วย (เดิมมีสิทธิอยู่แล้ว 30 วันต่อปี) (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 32/3)
- กำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิลาไปดูแลบุคคลในครอบครัวหรือบุคคลอื่นใดที่มีความใกล้ชิด (เพิ่มมาตรา32/1)
- กำหนดให้ต้องจัดให้มีสถานที่ที่เหมาะสมและอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็น เพื่อให้ลูกจ้างสามารถให้นมบุตรหรือ
บีบน้ำนมในที่ทำงาน (เพิ่มมาตรา 39/2)
- กำหนดให้ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีสิทธิลาเนื่องจากมีประจำเดือน (เพิ่มมาตรา 40/1)
สืบเนื่องจากการแก้ไขเพิ่มในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งมีสาระสำคัญในภาคบังคับใช้ ปัจจุบันนั้น เหมาะสมแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไข หากผลของการแก้ไขฉบับนี้มีผลใช้บังคับจะเป็นเหตุ ให้เกิดภาระและปัญหาการจ้างงานในหลายประการ ดังต่อไปนี้..
- ส่งผลกระทบต่อธุรกิจทำให้ต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้น กระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน
- มีผลกระทบโดยตรงกับผู้ประกอบกิจการ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมประเภท วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมเป็นส่วนมากของประเทศ อาจต้องปิดตัวลง
- ก่อให้เกิดการขาดสภาพคล่องในการลงทุนภายในประเทศ และจากการลงทุนของผู้ประกอบการต่างประเทศด้วย
- อาจเป็นปัญหาให้เกิดผลกระทบย้อนกลับไปถึงการจ้างงานของลูกจ้างในอนาคต ซึ่งผู้ประกอบกิจการจะต้องแสวงหา
รูปแบบการจ้างงานรูปแบบใหม่ต่อไปที่เหมาะสมกว่าต่อไปเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดได้ เช่นการนำ AI หรือนำหุ่นยนต์มาใช้แทนการจ้างงาน
** ข้อเสนอแนะ..
ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันนี้ ไม่เหมาะสมในหลายด้าน ซึ่งการลงทุนในประเภทกิจการค้าและอุตสาหกรรม ที่ต้องมีภาระเพิ่มขึ้น ทำให้การค้าในประเทศเข้าสู่การแข่งขันได้ยากขึ้นในรูปแบบของกฎหมาย ทำให้การค้าในประเทศเข้าสู่การแข่งขันได้ยาก สมควรให้ใช้มาตรการยืดหยุ่นในการเพิ่มคุณภาพชีวิตในการจ้างแรงงาน โดยให้นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันเอง ตามความเหมาะสมของสภาพในการทำงานของแต่ละองค์กร จะได้มีการเสริมสร้างสันติสุขในการทำงานได้ดีกว่า หลักการทำประชาพิจารณ์ขาดความโปร่งใสและไม่ทั่วถึง สามารถอ้างอิงได้ว่า ทางฝ่ายผู้ประกอบกิจการไม่มีส่วนร่วมที่เหมาะสมในการแสดงความคิดเห็นในการจัด ร่าง “ แก้ไขเพิ่มเติม ” พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ในครั้งนี้ โดยหลักการปกติแล้ว จะมีผู้แทนจากสภาองค์การนายจ้าง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าและคณะ ต้องเป็นผู้รับภาระทางกฏหมายที่มีผลใช้บังคับในครั้งนี้
เหตุผลที่เป็นสาระสำคัญของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ฉบับที่ใช้ปัจจุบันนี้ ได้มีการปรับปรุงแก้ไข มาแล้วหลายครั้ง จึงเป็นกฎหมายแรงงานที่ใช้บังคับได้เหมาะสมอยู่แล้ว และ สอดคล้องกับบทบัญญัติขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) อีกด้วย
ทั้งนี้ ได้มีสภาองค์การนายจ้างได้ร่วมกันลงนามและยื่นหนังสือถึงท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย..
- สภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย (สภา 1)
- สภาองค์การนายจ้างสภาอุตสาหกรรมเอ็สเอ็มอี แห่งประเทศไทย (สภา3)
- สภาองค์การนายจ้างผู้ค้าและบริการเครื่องอุปโภคบริโภค (สภา4)
- สภาองค์การนายจ้างแห่งชาติ (สภา 5)
- สภาองค์การนายจ้างธุรกิจไทย (สภา 6)
- สภาองค์การนายจ้างไทยสากล (สภา 7)
- สภาองค์การนายจ้างการเกษตร ธุรกิจ อุตสาหกรรมไทย (สภา 8)
- สภาองค์การนายจ้างธุรกิจ การค้าและบริการไทย (สภา 9)
- สภาองค์การนายจ้างไทย (สภา 11)
- สภาองค์การนายจ้าง ธุรกิจ และอุตสาหกรรมแห่งชาติ (สภา12)
- สภาองค์การนายจ้างธุรกิจอุตสาหการไทย (สภา13)
- สภาองค์การนายจ้าง เอส.เอ็ม.อี แห่งประเทศไทย (สภา 14)
- สภาองค์การนายจ้างบริการไทย (สภา 15)
- สภาองค์การนายจ้างธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว-ภาค 8 (สภา 16)
- สภาองค์การนายจ้างเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม (สภา 17)
- สภาองค์การนายจ้างเพื่อการลงทุนแห่งประเทศไทย (สภา 18)














